Slow Living ชีวิตวิถีใหม่ ‘ช้า ชิล แต่ชัวร์’

ผู้เรียบเรียง
ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล
บรรณารักษ์ชำนาญการ ฝ่ายบริการ
 สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

             ในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การแข่งขันที่สูงขึ้น และรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การบริโภค หรือแม้กระทั่งการพักผ่อน เราถูกผลักดันให้ทำทุกสิ่งให้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตามให้ทันกระแสอยู่เสมอ ทำให้แนวโน้มความเครียด ภาวะหมดไฟ และความรู้สึกไร้จุดหมายในการดำเนินชีวิตรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายนี้เอง แนวคิด "Slow Living" จึงได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่ง Slow Living ก็คือการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การทำทุกอย่างให้น้อยลง แต่ใส่ใจคุณภาพของกิจกรรมที่ทำให้มากขึ้น แนวคิดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการชะลอจังหวะชีวิตให้ช้าลง แต่ยังเป็นการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีความหมาย และสอดคล้องกับคุณค่าภายในของแต่ละคน อิทธิพลของการใช้ชีวิตย่างช้าๆ ได้เริ่มขยายไปสู่หลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกาเหนือ และญี่ปุ่น ซึ่งมีความพยายามส่งเสริมวิถีชีวิตที่ให้ความสำคัญกับจิตสำนึก ความยั่งยืน และคุณค่าภายในมากกว่าการตอบสนองต่อแรงกดดันของระบบบริโภคนิยม ดังนั้นเราควรจะหันมา Work smart แทนการ Work hard โดยมุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพ ใช้เวลาน้อยลง แต่ให้ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของ Slow Living ไม่เพียงแต่จะเป็นการลดความเร็วของการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์ในการสร้างความสมดุลของด้านต่างๆ ในชีวิตของเราได้อีกด้วย

ความสำคัญของ Slow Living 

  • การผ่อนคลายความเครียดและความเหนื่อยล้า การลดความเร่งรีบและการมีสติช่วยลดความเครียด ความกดดันและเพิ่มความสงบทางจิตใจ 
  • การส่งเสริมความยั่งยืนและจิตสำนึกต่อสังคม การเลือกบริโภคอย่างมีสติและการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนำไปสู่การใช้ชีวิตที่รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
  • การฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ การมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่าปริมาณงาน
  • การเสริมสร้างความสัมพันธ์ การชะลอความเร็วในการดำเนินชีวิตเปิดโอกาสให้เราได้ใช้เวลากับคนที่เรารักอย่างแท้จริง สร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งมากขึ้น 
  • พัฒนาการสื่อสาร การใช้เวลาอย่างตั้งใจในการฟังและพูดคุย ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและเข้าใจกันมากขึ้น
  • ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การมีเวลาว่างและความสงบ ช่วยให้เกิดความคิดใหม่ๆ และมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
  • การค้นพบความสุขและความพึงพอใจ การหยุดพักและชื่นชมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และการทำกิจกรรมที่สร้างความสุขในชีวิตประจำวัน ช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามี และนำไปสู่ความสุขและความพึงพอใจที่ยั่งยืนมากกว่าการไล่ตามวัตถุภายนอกเพียงอย่างเดียว
  • การหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบและการแข่งขันที่ไม่จำเป็น  ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตของตนเองโดยไม่เปรียบเทียบกับผู้อื่น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากสังคมและสื่อสังคมออนไลน์ ลดความรู้สึกด้อยค่าและความไม่พึงพอใจในชีวิต
  • การทำงานอย่างมีคุณภาพมากกว่าปริมาณ  สนับสนุนการทำงานอย่างมุ่งมั่นในช่วงเวลาที่มีพลัง แทนการทำงานแบบ multi-tasking การให้ความสำคัญกับกระบวนการมากกว่าความเร่งรีบเพื่อผลลัพธ์ ส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และความพึงพอใจในผลงาน
รูปภาพที่อัปโหลด
ที่มา : https://kasets.art/5JKsXc

แนวทางการใช้ชีวิต Slow Living ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีดังนี้ 

  • สติและการตระหนักรู้ การให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งความคิด ความรู้สึก สิ่งแวดล้อมรอบตัว และไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต
  • ความเรียบง่ายและเพียงพอ การลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ สิ่งของ หรือภาระหน้าที่ เลือกบริโภคเท่าที่จำเป็น และให้คุณค่ากับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
  • ความตั้งใจและจุดมุ่งหมาย การทำสิ่งต่างๆ ด้วยความตั้งใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามกระแส การตั้งคำถามว่า "ทำไม" ก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ
  • การเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ การให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชน 
  • ความยั่งยืนและความรับผิดชอบ การคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ลดการบริโภคเกินจำเป็น การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม
  • การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและใจอย่างสมดุล การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายจิตใจ
  • การชื่นชมและการขอบคุณ การฝึกมองเห็นและชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน การแสดงความขอบคุณต่อผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัวช่วยเสริมสร้างความสุขและความพึงพอใจ
  • การเรียนรู้และการเติบโต การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และการยอมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

แม้ว่า Slow Living จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำมาปฏิบัติจริงก็อาจพบกับปัญหาและอุปสรรคบางประการ เช่น

  • แรงกดดันจากสังคม สังคมส่วนใหญ่มักให้คุณค่ากับผลผลิตและความสำเร็จ ทำให้การใช้ชีวิตที่ช้าลงอาจถูกมองว่าเป็นความเกียจคร้านหรือขาดความทะเยอทะยาน 
  • ความเคยชินกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชินมาเป็นเวลานานอาจต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • ความกลัวที่จะล้าหลัง หลายคนอาจรู้สึกกังวลว่าการใช้ชีวิตช้าลง จะทำให้พลาดโอกาสหรือตามไม่ทันผู้อื่น
  • ข้อจำกัดด้านเวลาและทรัพยากร ในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบจำนวนมาก อาจรู้สึกว่าไม่มีเวลาหรือทรัพยากรเพียงพอในการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ
  • ความขัดแย้งกับความคาดหวังของผู้อื่น การเลือกใช้ชีวิตที่ช้าลงอาจไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของครอบครัว เพื่อนร่วมงานหรือสังคม
  • การขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง บางครั้ง Slow Living ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความเฉื่อยชาหรือการหลีกหนีความรับผิดชอบ ทำให้เกิดการต่อต้านได้
  • ความท้าทายในการเปลี่ยนนิสัย การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เคยชิน หรือการจัดระเบียบชีวิตใหม่ อาจต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น
  • การตีความที่แตกต่างกัน บางคนอาจมองว่า Slow Living เป็นเพียงเทรนด์หรือเหมาะสำหรับผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวคิดนี้
https://files.gqthailand.com/uploads/20221104113508.jpg
ที่มา : https://www.gqthailand.com//guest-editors/article/slow-life-vs-fast-paced-life

แนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการนำแนวคิด Slow Living ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 

  • สร้างความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของ  Slow Living ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีของการใช้ชีวิตที่ช้าลง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความกังวลต่อความคิดเห็นของผู้อื่น
  • เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างทันที ลองเริ่มจากการปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น การทานอาหารช้าลง การเดินอย่างมีสติ หรือการกำหนดเวลาการใช้โทรศัพท์
  • การเข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่มีแนวคิดเดียวกัน การพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกันจะช่วยสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจ
  • สื่อสารความต้องการกับคนรอบข้าง อธิบายถึงเหตุผลและความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณให้ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ชิดเข้าใจ เพื่อลดความขัดแย้งและความเข้าใจผิด
  • ภูมิใจในทางเลือกของตนเอง ตระหนักว่าการเลือกใช้ชีวิตที่ช้าลงเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลที่มุ่งเน้นคุณภาพชีวิตและความสุขที่แท้จริง
  • ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ กำหนดเป้าหมายเล็กๆ ที่สามารถทำได้จริงในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ เพื่อสร้างกำลังใจในการเปลี่ยนแปลง
  • ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทีละน้อย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องใช้เวลาและความอดทน ไม่ควรรีบร้อนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างพร้อมกันทันที
  • สร้างกิจวัตรใหม่ที่ส่งเสริม  Slow Living กำหนดเวลาสำหรับการพักผ่อน การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย การใช้เวลากับธรรมชาติหรือการทำสมาธิ
  • ใช้เครื่องมือช่วยเตือนใจ อาจใช้แอปพลิเคชัน นาฬิกา หรือการจดบันทึกเพื่อเตือนตัวเองให้ชะลอความเร็วและมีสติในการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ให้รางวัลตนเองเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ แก่ตนเอง จะช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • ทบทวนนิยามของ "ความสำเร็จ" พิจารณาว่าอะไรคือความสำเร็จที่แท้จริง อาจไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าทางอาชีพหรือการมีวัตถุมากมาย แต่หมายถึงการมีความสุข สุขภาพที่ดี และความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ
  • ตระหนักว่าการชะลอความเร็วไม่ได้หมายถึงการหยุดนิ่ง เน้นการทำสิ่งต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและมีสติ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำทุกอย่างอย่างเร่งรีบ
  • ให้ความสำคัญกับ "คุณภาพ" มากกว่า "ปริมาณ" การมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพอาจมีค่ามากกว่าการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้มากที่สุด
  • มองหากิจกรรม  Slow Living ที่ไม่ต้องใช้เวลาหรือทรัพยากรมาก เช่น การฝึกหายใจลึกๆ การสังเกตสิ่งรอบตัว การฟังเพลงโปรดอย่างตั้งใจ หรือการทำอาหารง่ายๆ 
  • บูรณาการ  Slow Living เข้ากับกิจวัตรประจำวัน ลองเปลี่ยนวิธีการทำกิจกรรมเดิมให้ช้าลงและมีสติมากขึ้น  
  • ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือการทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
  • อดทนและให้เวลา การเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้อื่นอาจต้องใช้เวลา พยายามอธิบายด้วยความใจเย็นและแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ดีของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  • เน้นที่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม หากการใช้ชีวิตที่ช้าลงส่งผลดีต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ หรือประสิทธิภาพในการทำงาน ก็อาจเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนขึ้น
  • กำหนดขอบเขตและลำดับความสำคัญ การใช้ชีวิตอย่างช้าๆ ต้องอาศัยการบริหารจัดการเวลาและพลังงานอย่างมีสติ การกำหนดขอบเขตช่วยให้สามารถปฏิเสธสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและจัดสรรเวลาให้กับกิจกรรมที่ส่งเสริมความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี
  • สื่อสารอย่างชัดเจนกับผู้อื่นเกี่ยวกับเป้าหมายและค่านิยมของตน หากความคาดหวังของผู้อื่นสร้างความกดดันมากเกินไป การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
  • เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ชีวิต  Slow Living อย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นหันมาสนใจแนวคิดนี้ได้
  • ให้ความรู้และอธิบายความหมายที่แท้จริงของ  Slow Living โดยเน้นว่า Slow Living ไม่ใช่การไม่ทำอะไรเลย แต่เป็นการทำทุกสิ่งด้วยความตั้งใจและมีสติ

Slow Living ไม่ใช่การปฏิเสธความก้าวหน้าหรือการหยุดนิ่ง แต่เป็นการเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติ ตั้งใจ และให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ การหันกลับมาทำสิ่งต่างๆ ให้ช้าลงและใส่ใจกับปัจจุบันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความสัมพันธ์ที่ดี การนำหลักการของ Slow Living มาปรับใช้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำ แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่างความเร็วและความช้า ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน และระหว่างการไล่ตามเป้าหมายภายนอกกับการค้นหาความหมายภายใน Slow Living เป็นกระบวนการส่วนบุคคลที่ต้องอาศัยการเรียนรู้และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่เป็นการค้นหาวิถีทางที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมาย ความสุข และความสงบอย่างแท้จริง การใช้ชีวิตให้ช้าลงไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดเดิน แต่หมายถึงเราเลือกที่จะก้าวอย่างมีสติ และอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตที่มีความหมาย ไม่ได้วัดจากความเร็ว แต่วัดจากความสุขในสิ่งที่เรามี อย่างไรก็ตามการส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบ Slow Living ให้เกิดขึ้นได้จริง จำเป็นต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ การสนับสนุนจากสังคม และการออกแบบนโยบายที่เอื้อต่อชีวิตที่ยั่งยืนและสมดุลในระยะยาว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Michael Ofei. (2025). 11 Practical Slow Living Tips (Even If You Live In The City or Have Kids). 
           สืบค้นจาก https://theminimalistvegan.com/slow-living/

Tammy Strobel. (2025). How To Slow Down In Life. สืบค้นจาก
             https://bemorewithless.com/how-to-slow-down-in-life/

Wild Linens. (2025). The Ultimate Guide to Slow Living. สืบค้นจาก https://kasets.art/0vrdKr

Emily Pascale. (2024). Living? 6 Ways to Embrace it This Winter. สืบค้นจาก 
             https://www.rent.com/blog/what-is-slow-living/

Positive Mind Works. (2023). Top 5 Benefits of Slow Living – Part 1. สืบค้นจาก 
            https://www.positivemindworks.co/top-5-benefits-of-slow-living-part-1/

Niamh Pardi. (2023). How to Embrace Slow Living: Self-Care Tips for the Summer Season. สืบค้น
            จาก https://openup.com/blog/slow-living-and-self-care-tips/

BLT Bangkok. (2568). “Slow Living” ไม่ใช่แค่ช้าลง แต่คือการ ‘เลือก‘ อยู่กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ. สืบค้นจาก
           https://www.bltbangkok.com/lifestyle/45127/

BANKKUNG. (2568). Slow Living ในยุคเร่งรีบ ช้าลงสักนิด ชีวิตดีขึ้นเยอะ. สืบค้นจาก
           https://kasets.art/qFhtCW

Phattaradon Werachainarong. (2566). ‘ไม่อยากทำงาน ไม่มีงานในฝัน’ อุดมการณ์การใช้ชีวิตแบบ ‘Slow Living’ ของเหล่า 
          Gen Z. สืบค้นจาก https://www.exoticquixotic.com/stories/gen-z-slow-living

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Amaral, M. I. (2025). Slow living and slow travel – opportunities to explore in Alentejo (Portugal). 
          Revista Produção E Desenvolvimento, 11(1), e756. 
           https://doi.org/10.32358/rpd.2025.v11.756

Seidel, I. (2025). „SLOW LIVING“ BEWUSST & WERTIG. Gestalten & Verkaufen, 2, 68–70.

Wu Zhicai, Ling Weiman, & Ma Jing. (2024). Slow-Living Experience of Ancient Town Tourism: 
          Grounded Theory Analysis on Travel Notes of Lijiang Ancient Town. Redai Dili, 44(4), 
          648–661. https://doi-org.kasetsart.idm.oclc.org/10.13284/j.cnki.rddl.003850

Silvestre, M. J., Gonçalves, S. P., & Velez, M. J. (2024). Slow Work: The Mainstream Concept. 
          Social Sciences, 13(3), 178. https://doi.org/10.3390/socsci13030178

Munch, E. (2024). Sustainable and slow cities: the quest for conviviality. Sustainability: Science, 
          Practice and Policy, 20(1). https://doi.org/10.1080/15487733.2024.2375810

Byrd, C. (2023). The Cottage Fairy Companion: A Cottagecore Guide to Slow Living, Connecting 
          to Nature, and Becoming Enchanted Again. Library Journal, 148(1), 39.

Zhong, Q., Li, B. & Dong, T. (2024). Building sustainable slow communities: the impact of built 
          environments on leisure-time physical activities in Shanghai. Humanit Soc Sci Commun, 
          11, 828 https://doi.org/10.1057/s41599-024-03303-y

Guest, J., Baria-Rodriguez, M.V., Toh, T.C. et al. (2023). Live slow, die old: larval propagation of 
          slow-growing, stress-tolerant corals for reef restoration. Coral Reefs 42, 1365–1377 
          https://doi.org/10.1007/s00338-023-02440-1

Taking it slow Slow living has many health benefits. (2022, January 1). Harvard Men’s Health 
          Watch, 27(4), 5.

ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล | 06/05/2568 | 14 | share : , ,

related post you may also like


แบบประเมิน