ChatGPT กับงานวิจัย: โอกาสและข้อควรระวัง

ผู้เรียบเรียง
ปิยะธิดา ปรางค์โคกกรวด
นักเอกสารสนเทศชำนาญการ ฝ่ายบริการ 
 สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีสื่อสารของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง หนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่นคือ ChatGPT โมเดลภาษาอัจฉริยะที่ถูกพฒนา โดย OpenAI ซึ่งสามารถสร้างข้อความ ตอบคำถาม และสนทนาได้อย่างมีเหตุผลและเป็นธรรมชาติ จากความสามารถ เหล่านี้ ChatGPT ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหลากหลายวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการวิชาการ โดยเฉพาะในบริบทของ “งานวิจัย” ที่ต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความรู้เชิงลึก และความแม่นยำในการสื่อสาร โดยบทความนี้มุ่งวิเคราะห์ โอกาส และ ข้อควรระวัง ของการนำ ChatGPT มาใช้ในกระบวนการวิจัย เพื่อให้ผู้วิจัยสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ นี้อย่างมีประสิทธิภาพและจริยธรรม

โอกาสของ ChatGPT ในงานวิจัย
1. การช่วยค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้น
ในระยะเริ่มต้นของการทำวิจัย นักวิจัยมักต้องใช้เวลาจำนวนมากในการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น หัวข้อที่เกี่ยวข้อง หรือคำศัพท์เฉพาะทาง การใช้ ChatGPT สามารถช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก เพราะสามารถสรุปภาพรวมของแนวคิด ทฤษฎี หรือคำจำกัดความที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการเริ่มต้นศึกษาเรื่อง “การจัดการห่วงโซ่อุปทาน อย่างยั่งยืน” นักวิจัยสามารถสอบถาม ChatGPT เกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐาน ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และตัวอย่างงานวิจัยในหัวข้อ นั้นเพื่อกำหนดกรอบแนวคิดเบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนค้นคว้าลึก

2. ผู้ช่วยด้านการเขียนเชิงวิชาการ
การเขียนเชิงวิชาการโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ มักเป็นอุปสรรคสำหรับนักวิจัยจำนวนมาก ChatGPT สามารถช่วย ปรับประโยค ตรวจไวยากรณ์ และเสนอแนวทางการเขียนที่เหมาะสมกับบทความวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นบทคัดย่ อ (Abstract), บทนำ (Introduction), วัตถุประสงค์การวิจัย หรือข้อเสนอแนะ (Recommendation) นอกจากนี้ยังสามารถ ช่วยร่างโครงสร้างการเขียน เช่น สรุปเนื้อหาหลัก หรือจัดทำตารางเปรียบเทียบประเด็นต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ยังไม่ มีทักษะในการวางโครงสร้างงานเขียน

3. การกระตุ้นความคิดและข้อเสนอแนะในขั้นวิเคราะห์
ChatGPT สามารถเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูล หรือเสนอสมมติฐานทางเลือกที่นักวิจัยอาจ มองข้าม โดยเฉพาะในขั้นตอนที่ต้องตีความผลการวิจัย หรือกำหนดนัยสำคัญของผลลัพธ์ AI อาจช่วยกระตุ้นการตั้งคำถาม และเสนอแนวคิดจากหลายมุมมองที่หลากหลาย ตัวอย่าง: หากนักวิจัยกำลังวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพChatGPT อาจช่วย ระบุธีมที่ซ่อนอยู่ หรือเสนอการจัดกลุ่มข้อมูลเพื่อหาแนวโน้มที่น่าสนใจได้

4. การสรุปบทความและการแปลภาษา
นักวิจัยสามารถใช้ ChatGPT เพื่อสรุปบทความทางวิชาการที่มีความยาว และเข้าใจยากได้อย่างกระชับ รวมถึง ช่วยแปลข้อความทางวิชาการระหว่างภาษาไทยและอังกฤษได้ในระดับที่แม่นยำและเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้โปรแกรม แปลทั่วไป

ประเด็นที่ควรระวังเมื่อใช้ ChatGPT กับ “งานวิจัย”
1. ข้อมูลลับในงานวิจัย
หากคุณกำลังทำงานวิจัยที่ยังไม่ตีพิมพ์ หรือมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร ความร่วมมือกับภาคธุรกิจ หรือมี ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความมั่นคง การป้อนข้อมูลเหล่านี้ให้ AI อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับให้ระบบที่ไม่สามารถ ควบคุมได้โดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดข้อตกลง หรือสูญเสียความเป็นเจ้าของข้อมูล

2. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมวิจัย
ในกรณีที่มีการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เช่น แบบสอบถามการสัมภาษณ์ หรือข้อมูลสุขภาพ การป้อนข้อมูลที่ระบุ ตัวบุคคลได้ เช่น ชื่อ อายุ หรือผลทางการแพทย์ เข้าสู่ระบบ AI ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมงานวิจัยและกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA, GDPR)

3. การวิเคราะห์ข้อมูลวิจัย
แม้ AI จะสามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เช่น การจัดกลุ่มหรือหาความสัมพันธ์ แต่ไม่ควรใช้ AI เป็น เครื่องมือหลักในการตัดสินใจทางวิชาการโดยปราศจากการตรวจสอบจากนักวิจัย เนื่องจากอาจนำเสนอผลลัพธ์ที่ “เหมือน จริง” แต่ “ไม่ถูกต้อง”

4. การอ้างอิงแหล่งข้อมูล
การให้ AI สรุปเนื้อหาทางวิชาการหรือเขียนบทความ อาจทำให้เกิดการอ้างอิงที่ผิดหรือแต่งขึ้น(hallucination) นักวิจัยต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้งก่อนนำไปใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดจรรยาบรรณทางวิชาการ

5 .การเขียนงานหรือขอให้ AI ช่วยเขียนเนื้อหาวิจัย
หากใช้ AI ร่างงานวิจัยโดยไม่ปรับแต่งหรืออธิบายด้วยตนเอง อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผลงาน และในบาง สถาบันอาจถือว่าเป็นการ ละเมิดจรรยาบรรณ หรือ การลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism) ได้

ประเด็นที่ควรระวังเมื่อใช้ ChatGPT กับ “งานวิจัย
1. ความเสี่ยงด้านเนื้อหาและจริยธรรมทางวิชาการ
1.1 ข้อมูลที่อาจผิดพลาดหรือไม่มีแหล่งอ้างอิง (AI hallucination)

  • ChatGPT อาจให้ข้อมูลที่ล้าสมัย ผิดพลาด หรือแต่งแหล่งอ้างอิงขึ้นมา
  • คำแนะนำ: ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งกับฐานข้อมูลวิชาการที่เชื่อถือได้ เช่น Scopus, Web of Science, Google Scholar

1.2 การอ้างอิงแหล่งข้อมูลไม่ถูกต้อง

  • AI ไม่สามารถให้ citation ที่ตรวจสอบได้เสมอ
  • คำแนะนำ: อย่าเชื่อ citation ที่ได้จาก AI โดยไม่ตรวจสอบต้นฉบับจริง

1.3 การใช้เนื้อหาโดยไม่อ้างอิง (เสี่ยง Plagiarism)

  • การคัดลอกข้อความจาก AI โดยไม่ปรับหรืออ้างอิง อาจถือว่าเป็นการลอกผลงาน
  • คำแนะนำ: ใช้เป็นแนวทางหรือร่างเบื้องต้นเท่านั้น ควรเรียบเรียงใหม่และใส่แหล่งอ้างอิงด้วยตนเอง

1.4 การพึ่งพา ChatGPT มากเกินไป

  • อาจส่งผลให้ทักษะการวิเคราะห์และการคิดเชิงวิจัยลดลง
  • คำแนะนำ: ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้ตัดสินใจแทน”

1.5 การใช้ AI ช่วยเขียนเนื้อหาวิจัยโดยไม่ปรับแต่ง

  • อาจทำให้คุณภาพงานลดลง และบางสถาบันอาจถือว่าเป็นการละเมิดจรรยาบรรณ
  • คำแนะนำ: เขียนเองเป็นหลัก และใช้ AI ในการเสนอแนวทางหรือปรับภาษา

2. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
2.1 ข้อมูลลับในงานวิจัย

  • เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร ความร่วมมือ หรือผลงานที่ยังไม่เผยแพร่
  • คำแนะนำ: ห้ามป้อนข้อมูลลับลงในระบบ AI สาธารณะ

2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมวิจัย

  • เช่น ชื่อ อายุ ข้อมูลสุขภาพ แบบสอบถาม ฯลฯ
  • คำแนะนำ: ต้องปกปิด/เข้ารหัสข้อมูลตามกฎหมาย PDPA หรือ GDPR

2.3 ความปลอดภัยของข้อมูลที่ยังไม่เผยแพร่

  • การป้อนข้อมูลงานวิจัยที่ยังไม่ตีพิมพ์อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • คำแนะนำ: ใช้ระบบ AI เฉพาะที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย เช่น ChatGPT Enterprise

มุมมองทางจริยธรรม: AI และการวิจัยอย่างรับผิดชอบ
   การใช้AI โดยเฉพาะในงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการตีพิมพ์หรือการเผยแพร่ต่อสาธารณะจำเป็นต้องคำนึงถึงหลัก จริยธรรมหลายประการ เช่น: 

  • ความโปร่งใสในการแจ้งว่าใช้ AI ในขั้นตอนใดของกระบวนการ
  • การไม่สร้างข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง
  • การเคารพลิขสิทธิ์ และไม่ละเมิดความเป็นเจ้าของทางปัญญา
    มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง เช่น Stanford, MIT หรือUniversity of Oxford เริ่มออกแนวทางการใช้ AI ในการวิจัยที่ ชัดเจน และบางวารสารวิชาการก็เริ่มกำหนดให้ผู้เขียนเปิดเผยการใช้ AI ในบทความด้วย

ข้อเสนอแนะในการใช้งาน ChatGPT อย่างเหมาะสมในงานวิจัย

  1. ใช้เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน
    ควรใช้ ChatGPT ในฐานะผู้ช่วยสำหรับการคิด วิเคราะห์หรือเขียนเบื้องต้น ไม่ควรใช้แทนการค้นคว้าอ่าน และวิเคราะห์ จากแหล่งข้อมูลต้นฉบับจริง
  2. ตรวจสอบข้อมูลและอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้
    หากได้ข้อมูลจาก ChatGPT ควรตรวจสอบซ้ำกับแหล่งวิชาการที่น่าเชื่อถือ เช่นวารสารวิจัย ฐานข้อมูลวิชาการ หนังสือ หรืองานวิจัยต้นฉบับ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อน
  3. ระบุการใช้เครื่องมือ AI อย่างโปร่งใส 
    หากใช้ AI ช่วยในการเขียน แปลหรือเรียบเรียง ควรมีการระบุในส่วน methodology หรือ acknowledgement อย่าง เหมาะสม โดยอ้างอิงถึงแนวปฏิบัติหรือจริยธรรมที่สถาบันหรือวารสารกำหนดไว้
  4. พัฒนาทักษะการประเมินและกลั่นกรองข้อมูล
    ผู้ใช้ควรฝึกทักษะการตั้งคำถาม การประเมินคุณภาพของคำตอบ และการปรับใช้ข้อมูลจาก AI ให้สอดคล้องกับบริบทของ งานวิจัย เพื่อไม่ให้เกิดการนำข้อมูลผิดพลาดไปใช้อย่างไม่ตั้งใจ
ที่มา https://www.facebook.com/groups/aitransformationhub/posts/1394453058657182/

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ฝ่ายพัฒนาคุณภาพการวิจัย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ChatGPT กับการเขียนงาน        
        วิจัย. สืบค้น 17 พฤษภาคม 2568. Retrieved From https://www.nstda.or.th/rqm/rcr-news.html

หนังสือพิมพ์ข่าวสด - ข่าวสดออนไลน์. ผู้เชี่ยวชาญเตือน5 ข้อมูลที่ไม่ควรบอก AI - ChatGPT ชี้ควรระวังเมื่อใช้              
         ทำงาน. สืบค้น17 พฤษภาคม 2568. Retrieved From https://www.khaosod.co.th/around-the-world- news/news_9720798

Báo Thanh niên. ChatGPT ช่วยปรับปรุงผลการเรียนรู้จริงหรือไม่?. สืบค้น 18 พฤษภาคม 2568. 
          Retrieved From https://www.vietnam.vn/th/chatgpt-co-that-su-cai-thien-ket-qua-hoc-tap

Benz Benzio. 6 Advanced ChatGPT Prompts for Research Paper Writing. สืบค้น 17 พฤษภาคม 2568. 
          Retrieved From https://chatgptai.newzenler.com/blog/chatgpt-research-paper-prompts

Techtalkthai. OpenAI เปิดตัว ChatGPT Deep Research ค้นคว้าวิจัยแทนผู้ใช้อย่างครอบคลุม. สืบค้น 19 พฤษภาคม 2568. Retrieved From
            https://www.techtalkthai.com/openais-chatgpt-can-now-perform- comprehensive-research-for-its-users/

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Chang, C.-Y., Chen, I.-H., & Tang, K.-Y. (2024). Roles and research trends of ChatGPT-based learning : 
          A bibliometric analysis and systematic review. Educational Technology & Society, 27(4), 471–486.
         Retrieved From https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=065e7bcd-3fdf-3266-9d90- 24ac4177b43f

Jaber, S. A., Hasan, H. E., Alzoubi, K. H., & Khabour, O. F. (2025). Knowledge, attitude, and perceptions of MENA 
           researchers towards the use of ChatGPT in research: A cross-sectional study. Heliyon,11(1). Retrieved
           From https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=35251988-88d9-32a1- 8000-87385a206589

Kondo, T., Miyachi, J., Jönsson, A., & Nishigori, H. (2024). A mixed-methods study comparing human-led and ChatGPT-driven
           qualitative analysis in medical education research. Nagoya Journal of Medical Science, 86(4), 620–644. Retrieved From
           https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=19442e9a-fe2e-3894-b588-85bd80dcafa9

Li, B., Lowell, V. L., Wang, C., & Li, X. (2024). A systematic review of the first year of publications on ChatGPT and 
           language education: Examining research on ChatGPT’s use in language learning and teaching. Computers and 
           Education: Artificial Intelligence, 7. Retrieved From 
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=9cc9a422-d6c1-32ea-aee7-5e0c544ceb71

Zheng, Z., Zhang, O., Nguyen, H. L., Rampal, N., Alawadhi, A. H., Rong, Z., Head-Gordon, T., Borgs, C.,
           Chayes, J. T., & Yaghi, O. M. (2023). ChatGPT Research Group for Optimizing the Crystallinity of
           MOFs and COFs. ACS Central Science, 9(11), 2161–2170. Retrieved From 
           https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=b0ff2c87-38e0-35b3-b701-bf843053a2cd

ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล | 27/05/2568 | 18 | share : , ,