Microbiome จุลินทรีย์ในร่างกายกับบทบาทต่อสุขภาพและอารมณ์
ผู้เรียบเรียง
ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล
บรรณารักษ์ชำนาญการ ฝ่ายบริการ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ร่างกายมนุษย์เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กนับล้านล้านเซลล์ที่เรียกว่า ไมโครไบโอม (Microbiome) ซึ่งประกอบไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา อาร์เคียและโปรโตซัว โดยมีจำนวนรวมมากกว่าจำนวนเซลล์ของมนุษย์ถึงสิบเท่า จุลินทรีย์เหล่านี้อาศัยอยู่ในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ช่องปาก ลำไส้ ทางเดินหายใจหรือระบบสืบพันธุ์ และเปลี่ยนแปลงไปตามอาหาร การใช้ยา สิ่งแวดล้อม และอายุของคน ไมโครไบโอมที่สมดุลจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี แต่ถ้าเสียสมดุลอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การย่อยอาหาร การเผาผลาญ ระบบประสาทและการทำงานของสมองและอารมณ์ ซึ่งความไม่สมดุลของไมโครไบโอมจะมีความเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน หอบหืด มะเร็ง โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคทางจิตประสาท เป็นต้น ไมโครไบโอมไม่ได้เพียงแค่ดูแลร่างกายแต่ยังช่วยให้จิตใจดีขึ้นได้ผ่านระบบการสื่อสารสองทางที่ทำงานร่วมกันระหว่างลำไส้และสมอง ซึ่งแบคทีเรียในลำไส้จะผลิตสารที่ควบคุมพฤติกรรม อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ ความหลากหลายของไมโครไบโอมเป็นตัวชี้วัดสุขภาพร่างกายยิ่งร่างกายมีจุลินทรีย์หลายสายพันธุ์ที่ทำงานร่วมกันอย่างสมดุลก็ยิ่งช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวมได้ดีขึ้น ความหลากหลายนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิตขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อม การดูแลไมโครไบโอมอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ พร้อมลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง

ประเภทของไมโครไบโอมในร่างกายมนุษย์
ประเภทไมโครไบโอม | ตำแหน่งในร่างกาย | จุลินทรีย์หลัก | บทบาทสำคัญ |
---|---|---|---|
Gut Microbiome | ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก | Lactobacillus, Bifidobacterium, Firmicutes, Bacteroidetes | ย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร สร้างวิตามิน เสริมภูมิคุ้มกัน เชื่อมโยงกับอารมณ์ผ่าน Gut-Brain Axis |
Oral Microbiome | ช่องปาก ลิ้น เหงือก | Streptococcus, Actinomyces, Veillonella | ป้องกันเชื้อก่อโรค ย่อยอาหารเบื้องต้น รักษาสมดุล pH |
Skin Microbiome | ผิวหนังทั่วร่างกาย | Staphylococcus epidermidis, Corynebacterium, Propionibacterium | ป้องกันการติดเชื้อ รักษาความชุ่มชื้นและค่า pH |
Vaginal Microbiome | ช่องคลอด | Lactobacillus spp. | รักษาความเป็นกรด-ด่าง ป้องกันการติดเชื้อจากเชื้อราและแบคทีเรีย |
Respiratory Microbiome | จมูก คอ หลอดลม | Prevotella, Streptococcus, Neisseria | ป้องกันเชื้อโรคทางเดินหายใจ เสริมภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ |
Urinary Microbiome | กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ | Lactobacillus, Gardnerella, Ureaplasma | ป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ รักษาสมดุลจุลินทรีย์ |
Placental Microbiome | รก (ในหญิงตั้งครรภ์) | Escherichia, Neisseria, Streptococcus | อาจมีบทบาทในการพัฒนาภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์ |
ไมโครไบโอมในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่
- วิธีการคลอด : ทารกที่คลอดโดยธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์จากช่องคลอดของมารดา ส่วนทารกที่คลอดโดยการผ่าคลอดจะได้รับจุลินทรีย์จากสิ่งแวดล้อมบนผิวหนังของมารดาและบุคลากรทางการแพทย์แทน
- การเลี้ยงดูด้วยนมแม่ : น้ำนมแม่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสารอาหารเท่านั้นแต่ยังอุดมไปด้วยอาหารเฉพาะสำหรับแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ทารก
- โภชนาการ : การบริโภคอาหารที่มีใยอาหารสูงและพรีไบโอติกจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์มากกว่าอาหารที่ผ่านการแปรรูปและมีไขมันสูง
- ยาปฏิชีวนะ : การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องอาจทำลายจุลินทรีย์ที่ดีและลดความหลากหลายของไมโครไบโอม
- ความเครียดและการนอนหลับ : ภาวะเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้
- อายุและพันธุกรรม : มีผลต่อการพัฒนาและความเสถียรของไมโครไบโอมในระยะยาว
ไมโครไบโอมต่อสุขภาพกาย
การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร : จุลินทรีย์ช่วยย่อยใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยเองได้ และผลิตกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อการบำรุงเซลล์ลำไส้และลดการอักเสบ
การสร้างวิตามินและสารชีวภาพ : เช่น วิตามินเค ไบโอติน และสารต้านอนุมูลอิสระ
การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถแยกแยะระหว่างเชื้อโรคกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นอันตราย ป้องกันการติดเชื้อ และผลิตสารต้านจุลชีพเพื่อควบคุมเชื้อที่เป็นอันตราย
การป้องกันโรคเรื้อรัง : ความไม่สมดุลของไมโครไบโอมมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน เบาหวานชนิดที่สอง โรคลำไส้อักเสบ และโรคหัวใจ
การเชื่อมโยงกับสมองและอารมณ์ผ่าน Gut-Brain Axis : ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ
การควบคุมน้ำหนักและการเผาผลาญ : ไมโครไบโอมบางชนิดส่งผลต่อการเก็บไขมัน การควบคุมความหิว และการใช้น้ำตาล
การลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย : ควบคุมปฏิกิริยาการอักเสบในลำไส้และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
การช่วยรักษาสุขภาพผิว : ป้องกันเชื้อก่อโรค และรักษาสมดุลของค่า pH
ไมโครไบโอมต่อสุขภาพจิตและอารมณ์
การผลิตสารสื่อประสาท จุลินทรีย์ในลำไส้สามารถผลิตสารสื่อประสาทที่สำคัญหลายชนิด เช่น
- serotonin มีบทบาทสำคัญต่ออารมณ์ การนอนหลับ และความรู้สึกอิ่ม
- Lactobacillus สามารถผลิต GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความวิตกกังวลและส่งเสริมการผ่อนคลาย
- จุลินทรีย์บางชนิดสามารถผลิตสารตั้งต้นหรือ dopamine ซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงจูงใจและความสุข
- Norepinephrine มีผลต่อความตื่นตัวและการตอบสนองต่อความเครียด
การส่งผลต่อความเครียดและวิตกกังวล
- จุลินทรีย์มีผลต่อการทำงานของแกน HPA ซึ่งเป็นระบบหลักในการตอบสนองต่อความเครียด
- จุลินทรีย์บางชนิดช่วยลดระดับ cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดหลัก
- การปรับปรุงอาการวิตกกังวล ด้วยการเสริมโปรไบโอติกบางชนิด
ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
- ความหลากหลายของไมโครไบโอมที่ต่ำและภาวะดีสไบโอซิส มีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
- ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์อาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า
- จุลินทรีย์มีผลต่อการเผาผลาญ tryptophan ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ serotonin ผู้ป่วยซึมเศร้ามักมีความหลากหลายของจุลินทรีย์ลดลง
การส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้
- จุลินทรีย์บางชนิดช่วยเพิ่มการผลิต BDNF ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการรอดตายของเซลล์ประสาท
- ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์อาจทำให้เกิดการอักเสบในสมอง ซึ่งส่งผลเสียต่อความจำ
- จุลินทรีย์ผลิตสารต่างๆ ที่สมองใช้เป็นแหล่งพลังงานและสารก่อสร้าง
โรคทางระบบประสาทที่เสื่อมถอย
- ไมโครไบโอมในลำไส้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นของโรคทางระบบประสาทที่เสื่อมถอย เช่น โรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ โดยเชื่อว่าสารพิษที่ผลิตจากจุลินทรีย์บางชนิดอาจเดินทางจากลำไส้ไปยังสมองและกระตุ้นกระบวนการอักเสบและการสะสมของโปรตีนผิดปกติ
ตารางเปรียบเทียบ ไมโครไบโอมดี vs ไมโครไบโอมไม่ดี
หมวดหมู่ | ไมโครไบโอมดี | ไมโครไบโอมไม่ดี |
---|---|---|
ประเภทจุลินทรีย์ | โพรไบโอติก เช่น Lactobacillus, Bifidobacterium | จุลินทรีย์ก่อโรค เช่น Clostridium difficile, E. coli บางสายพันธุ์ |
บทบาทต่อสุขภาพ | ส่งเสริมการย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพจิต | ก่อให้เกิดการอักเสบ ภูมิคุ้มกันต่ำ และโรคเรื้อรัง |
ผลต่อระบบย่อยอาหาร | ย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ดี ลดอาการท้องอืด | ท้องเสีย ท้องผูก หรืออาการลำไส้แปรปรวน |
ผลต่ออารมณ์และสมอง | ช่วยผลิตสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน ลดความเครียด | เชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และสมาธิสั้น |
ผลต่อการเผาผลาญ | ควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือด | เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และไขมันพอกตับ |
ความหลากหลายทางชีวภาพ | มีความหลากหลายสูง → สุขภาพแข็งแรง | ความหลากหลายต่ำ → เสี่ยงต่อโรค |
ปัจจัยที่ทำลาย | ยาปฏิชีวนะ อาหารแปรรูป ความเครียดเรื้อรัง | มักเติบโตเมื่อสมดุลจุลินทรีย์ถูกรบกวน |
การดูแลและปรับสมดุลไมโครไบโอม
1. การรับประทานอาหารที่หลากหลาย อาหารที่เรากินส่งผลโดยตรงต่อชนิดและความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้
- อาหารที่มีเส้นใยสูง ซึ่งทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกหรืออาหารของจุลินทรีย์ชนิดดี
- อาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี พืชตระกูลถั่ว
- อาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ นัตโตะ คอมบูชา และมิโซะ จะช่วยเพิ่มจำนวนประชากรจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในลำไส้
- ลดการใช้น้ำตาลและอาหารแปรรูปสูง ไขมันทรานส์ หรือสารเติมแต่งสูง จะลดความหลากหลายของจุลินทรีย์
2. การใช้ชีวิตประจำวัน
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้และปรับสมดุลเมตาบอลิซึม
- การนอนหลับเพียงพอ จังหวะชีวภาพที่สมดุลส่งผลต่อการทำงานของจุลินทรีย์ในร่างกาย
- การจัดการความเครียด ความเครียดเรื้อรังรบกวนแกนลำไส้–สมอง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายและอาจทำให้ไมโครไบโอมเสียสมดุล
- การสัมผัสธรรมชาติ การอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยเพิ่มการสัมผัสจุลชีพที่เป็นประโยชน์
3. การใช้ยาและการดูแลสุขภาพ
- ใช้ยาปฏิชีวนะจะทำลายแบคทีเรียทั้งดีและร้ายและต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดโดยไม่จำเป็น การเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรดด่างในระบบทางเดินอาหารส่งผลต่อองค์ประกอบไมโครไบโอม
4. การใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้เจลล้างมือหรือสบู่ฆ่าเชื้อตลอดเวลาโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำลาย Microbiome บนผิวหนังได้
5. การเสริมไมโครไบโอม
- โพสต์ไบโอติก ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากจุลินทรีย์แต่ไม่มีชีวิต มีประโยชน์และความเสี่ยงต่ำกว่า
- การปลูกถ่ายจุลินทรีย์ในอุจจาระใช้ในโรคบางชนิด
- การแพทย์แม่นยำ ใช้ข้อมูลไมโครไบโอมเฉพาะบุคคลในการเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
- พรีไบโอติก การบริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูงซึ่งเป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
- โปรไบโอติก การบริโภคอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต
6. การตรวจวิเคราะห์ Gut Microbiome
- การตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อประเมินความสมดุลและความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคอ้วนหรือโรคทางอารมณ์
การดูแลและปรับสมดุลไมโครไบโอมควรมุ่งที่ “วิถีชีวิตแบบองค์รวม” ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ดีต่อจุลินทรีย์ การออกกำลังกาย การพักผ่อนเพียงพอ และการลดความเครียด การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมจุลินทรีย์ควรอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่การเลือกตามกระแสนิยม เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่องไมโครไบโอมจะอยู่ในสภาวะที่สมดุลซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจในระยะยาว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
TurtleTree. (2025). How Your Gut Microbiome Influences Mental Health, Mood, and Energy.
สืบค้นจาก https://www.turtletree.com/how-your-gut-microbiome-influences-mental-
health-mood-and-energy/
Mayo Clinic Healthcare. (2025). Achieving peak performance by boosting your gut microbiome.
สืบค้นจาก https://kasets.art/K2YBg1
Amen Clinics. (2025). Gut Health and Mental Stability: How the Microbiome Affects Your Mood.
สืบค้นจาก https://www.amenclinics.com/blog/does-my-gut-health-affect-my-mental-stability/
Will Stone. (2024). Your gut microbes may influence how you handle stress. สืบค้นจาก
https://www.npr.org/sections/shots-health-news/2024/06/24/nx-s1-5018044/gut-microbiome-microbes-mental-health-stress
Maya Shetty. (2024). More Than a Gut Feeling: How Your Microbiome Affects Your Mood.
สืบค้นจาก https://kasets.art/yZ0cb8
Miriam Frankel and Matt Warren. (2023). How gut bacteria are controlling your brain.
สืบค้นจาก https://www.bbc.com/future/article/20230120-how-gut-bacteria-are-controlling-your-brain
Akesis Life. (2568). Gut Microbiome Profile เผยความสัมพันธ์ของไมโครไบโอมในลำไส้ต่อการเกิดมะเร็ง.
สืบค้นจาก https://akesisoncology.com/th/gut-microbiome-profile
Boommedia. (2568). โพรไบโอติกส์ช่วยลดซึมเศร้า และแพนิคได้จริงไหม?. สืบค้นจาก
https://www.biomedtechth.com/probiotics-for-depression-and-anxiety/
BioSyn Thailand. (2568). สุขภาพลำไส้กับอารมณ์: ความลับของจิตใจที่ซ่อนอยู่ในท้องคุณ. สืบค้นจาก
https://kasets.art/O3V2tN
TISCO Wealth. (2567). รู้จัก ‘ไมโครไบโอม’ ระบบนิเวศ ‘จุลชีพ’ ในร่างกาย ที่ต้อง ‘สมดุลดี’ เพื่อให้ ‘ สุขภาพดี’ สืบค้นจาก
https://www.tiscowealth.com/trust-magazine/https-www-tiscowealth-
com-trust-magazine-exclusive-health-72/
Hanky House. (2567). จุลินทรีย์ในลำไส้ และสุขภาพจิต (Psychobiotics). สืบค้นจาก
https://kasets.art/O3V2tN
จิตแข เทพชาตรี. (2567). จุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารไม่สมดุลเสี่ยงโรค. สืบค้นจาก
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/gut-microbiome
PPTV Online. (2566). งานวิจัยพบจุลินทรีย์ในลำไส้อาจบ่งชี้ "โรคอัลไซเมอร์" ได้. สืบค้นจาก
https://www.pptvhd36.com/health/care/3651
พงศ์ภากร ศรธนะรัตน์. (2566). จุลินทรีย์ดี สุขภาพดี. สืบค้นจาก
https://arunhealthgarden.com/guthealth/5976/
Butterfly Organic. (2565). Microbiome คืออะไร รู้จักจุลินทรีย์ในร่างกายที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา. สืบค้น
จาก https://www.butterflyorganic.co.th/what-is-microbiome/#
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
Borrego-Ruiz, A., & Borrego, J. J. (2025). Human oral microbiome and its influence on mental
health and brain disorders. AIMS Microbiology, 11(2), 242.
https://doi.org/10.3934/microbiol.2025013
Ramadan, Y. N., Alqifari, S. F., Alshehri, K., Alhowiti, A., Mirghani, H., Alrasheed, T., Aljohani, F.,
Alghamdi, A., & Hetta, H. F. (2025). Microbiome Gut-Brain-Axis: Impact on Brain
Development and Mental Health. Molecular Neurobiology, 62(8), 10813–10833.
https://doi.org/10.1007/s12035-025-04846-0
Clarke, G., Cryan, J. F., & O’Mahony, S. M. (2025). The Gut Microbiome and Emotional Distress
During Pregnancy: Shaking the Foundations of Future Mental Health? Biological Psychiatry
Global Open Science, 5(4). https://doi.org/10.1016/j.bpsgos.2025.100518
Leao, L., Miri, S., & Hammami, R. (2025). Gut feeling: Exploring the intertwined trilateral nexus of
gut microbiota, sex hormones, and mental health. Frontiers in Neuroendocrinology, 76.
https://doi.org/10.1016/j.yfrne.2024.101173
Ramadan, Y. N., Alqifari, S. F., Alshehri, K. (2025). Microbiome Gut-Brain-Axis: Impact on Brain
Development and Mental Health. Molecular Neurobiology, 62(8), 10813–10833.
https://doi.org/10.1007/s12035-025-04846-0
Sălcudean, A., Cîmpian, D.-M., Popovici, R.-A. (2025). Dietary Habits and Their Influence on the
Microbiome and Mental Health in Adolescents. Nutrients, 17(9).
https://doi.org/10.3390/nu17091496
Matsunaga, M., Takeuchi, M., Hagihara, K., Myowa, M., Watanabe, S., Takeda, A. K., Kikusui, T.,
Mogi, K., & Nagasawa, M. (2024). Intestinal microbiome and maternal mental health:
preventing parental stress and enhancing resilience in mothers. Communications Biology,
7(1). https://doi.org/10.1038/s42003-024-05884-5
Gupt, A., Naudiyal, S., Rani, A. et al. (2024). Mental Health and the Microbiome: A Review of
Psychological Impacts of Gut Microflora. Curr. Pharmacol. Rep. 10, 223–236
https://doi.org/10.1007/s40495-024-00357-z
Beurel, E. (2024). Stress in the microbiome-immune crosstalk. Gut Microbes, 16(1).
https://doi.org/10.1080/19490976.2024.2327409
Artyomenko, V. V., Zhovtenko, O. V., Stasii, Y. O., & Piron-Dumitrascu, M. (2024). The human
microbiome and mental health: the latest views. Family Medicine. European Practices,
2024(2), 29–35. https://doi.org/10.30841/2786-720X.2.2024.306112