Digital Detox กับสุขภาพจิตในยุคหน้าจอครองโลก: เราจะอยู่กับเทคโนโลยีอย่างสมดุลได้อย่างไร

ผู้เรียบเรียง 
ปิยะธิดา ปรางค์โคกกรวด 
นักเอกสารสนเทศชำนาญการ ฝ่ายบริการ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในแต่ละวัน คนจำนวนมากเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจดูการแจ้งเตือน และจบวันด้วยการ เลื่อนหน้าจอ (scroll) จนดึกดื่น พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับวัยทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักเรียนและ นักศึกษาที่ต้องใช้เทคโนโลยีทั้งเพื่อการเรียน การเข้าสังคม และความบันเทิงไปพร้อม ๆ กัน งานวิจัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เริ่มชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง การใช้สื่อดิจิทัลในปริมาณมาก กับ ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล ภาวะ ซึมเศร้า การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ และปัญหาสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่ใช้ Social Media เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ท่ามกลางกระแสการใช้งานเทคโนโลยีที่ “มากขึ้นเรื่อย ๆ” แนวคิดเรื่อง “Digital Detox” หรือการเว้นระยะ / ลดการใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีสติ จึงเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและสถาบัน เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือองค์กรที่ต้องการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับผู้เรียนและบุคลากร

 Screen Time และพฤติกรรมออนไลน์ในชีวิตประจำวัน
Screen time หมายถึง เวลารวมที่บุคคลใช้กับหน้าจอดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ ในยุคปัจจุบัน screen time ไม่ได้จำกัดเฉพาะการดูสื่อบันเทิง แต่ครอบคลุมทั้งการเรียน การทำงาน การสื่อสาร และการบริโภคข่าวสาร หลายการศึกษาเสนอว่า การใช้หน้าจอในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ได้มีผลเสียเสมอไป โดยการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ การเชื่อมต่อทางสังคม และการทำงาน สามารถส่งเสริมทั้งทักษะและโอกาสต่าง ๆ ได้ แต่เมื่อปริมาณและรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป เช่น ใช้เพื่อเลื่อนดูโซเชียลไม่หยุด (doomscrolling) ใช้จนเบียดเวลาในการ นอน หรือใช้เพื่อตอบสนองความเครียดและความเหงา ผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพจิตจึงเริ่มเด่นชัดขึ้น

Social Media กับสุขภาพจิต

           โซเชียลมีเดียเปิดพื้นที่ให้ผู้คนเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็สร้างแรงกดดันทางสังคมและการ เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น (social comparison) ซึ่งสัมพันธ์ กับความรู้สึกด้อยค่า วิตกกังวล และความไม่พอใจในตนเอง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว

Digital Detox สามารถอธิบายอย่างง่ายว่า คือ การตั้งใจ “เว้นระยะ” หรือ “ลดการใช้” เทคโนโลยีดิจิทัลในช่วง ระยะเวลาหนึ่ง เพื่อฟื้นฟูสมดุลทางร่างกายและจิตใจ และ สร้างความตระหนักรู้ถึงรูปแบบการใช้เทคโนโลยีของตนเอง

ที่มา:  https://www.dataxet.co/insights/mental-health-social-media-survey-2024
ที่มา:  https://www.dataxet.co/insights/mental-health-social-media-survey-2024

การทำ Digital Detox ไม่จำเป็นต้อง “เลิกใช้ทั้งหมด” แต่อาจอยู่ในรูปแบบ เช่น

งดใช้โซเชียลมีเดียช่วงก่อนนอน 1–2 ชั่วโมง

กำหนดวัน/ช่วงเวลา “no phone” กับตนเองหรือครอบครัว

ปิดการแจ้งเตือน (notification) ที่ไม่จำเป็น

ใช้แอปติดตามเวลาหน้าจอเพื่อตั้งขีดจำกัดต่อวัน

เทรนด์การใช้งานดิจิทัลและความท้าทายด้านสุขภาพจิต

ในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 การเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตจำนวนมากถูกผลักเข้าสู่โลกออนไลน์ ความสะดวกที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับ การอยู่หน้าจอเป็นเวลานานขึ้น และเส้นแบ่งระหว่างเวลา “ทำงาน/เรียน” กับ “เวลา พักผ่อน” ที่เลือนรางลง ในหมู่นักเรียนนักศึกษา การเรียนออนไลน์และการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อส่งงาน ติดตามข้อมูล ข่าวสาร และสื่อสารกับเพื่อนร่วมชั้น กลายเป็นเรื่องปกติ การอยู่กับหน้าจอแทบทั้งวันจึงไม่ใช่เรื่องผิดแปลก แต่เมื่อรวมกับ การใช้โซเชียลมีเดียและการเสพสื่อบันเทิงในเวลาว่าง ทำให้หลายคนพบว่าตัวเองใช้เวลา “อยู่กับหน้าจอ” แทบตลอดทั้งวัน โดยไม่รู้สึกว่าร่างกายและจิตใจได้พักอย่างแท้จริง แม้จะมีการเตือนเรื่องผลกระทบของการใช้จอมากเกินไป ทั้งจากบุคลากร ทางการแพทย์ นักจิตวิทยา และหน่วยงานด้านสาธารณสุข แต่การลดการใช้จริงกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเทคโนโลยี กลายเป็นทั้งเครื่องมือทำงาน พื้นที่เข้าสังคม และแหล่งพักผ่อนหลักในชีวิตประจำวัน

4. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต: สิ่งที่งานวิจัยเริ่มมองเห็นร่วมกัน

แม้ผลการศึกษาเกี่ยวกับ screen time และสุขภาพจิตจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด แต่หลายงานวิจัยเห็น ร่วมกันในบางประเด็นสำคัญ เช่น
1. ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้โซเชียลมีเดียมาก กับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลในวัยรุ่นและเยาวชน
2. การใช้หน้าจอมากในช่วงเวลาก่อนนอน ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลง และการนอนที่ไม่เพียงพอเกี่ยวข้องกับ อารมณ์แปรปรวน สมาธิลดลง และความเครียดที่เพิ่มขึ้น
3. การใช้สื่อดิจิทัลในลักษณะ “หนีปัญหา” หรือ “เสพแทนการเผชิญอารมณ์จริง” อาจเชื่อมโยงกับการจัดการ อารมณ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

ที่มา: https://theactive.thaipbs.or.th/news/publichealth-20240906

ในอีกด้านหนึ่ง งานวิจัยบางส่วนก็ชี้ว่า การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียในแบบที่มีคุณภาพ เช่น การใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ เพื่อนและครอบครัว การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (support group) หรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ สามารถมีผลดีต่อ ความรู้สึกเชื่อมโยงทางสังคมและการพัฒนาตนเองได้ ดังนั้น แทนที่จะมองเทคโนโลยีเป็น “ตัวร้าย” สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การ สำรวจว่า

  • เราใช้มัน “อย่างไร”
  • ใช้ “นานแค่ไหน”
  • และใช้เพื่อ “ตอบสนองความต้องการอะไร”


Digital Detox: โอกาสในการฟื้นฟูสมดุล (แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด)

การทำ Digital Detox มักถูกเสนอในรูปแบบแคมเปญ เช่น “หนึ่งวันไร้โทรศัพท์” หรือการเข้าค่ายที่ไม่อนุญาตให้ ใช้เครื่องมือดิจิทัลเลย อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงของผู้เรียนและผู้ทำงานจำนวนมาก การตัดขาดจากเทคโนโลยีโดยสิ้นเชิง แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะการเรียน การทำงาน และการติดต่อสื่อสารแทบทั้งหมดต้องอาศัยช่องทางดิจิทัล ดังนั้น การมอง Digital Detox ในฐานะ “การจัดสมดุล” แทนการ “ปิดทุกอย่าง” อาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่าในบริบทของยุคปัจจุบัน

ตัวอย่างแนวทาง Digital Detox ที่ทำได้จริง เช่น

  • การตั้ง “ช่วงเวลาไร้หน้าจอ” (screen-free time) ระหว่างมื้ออาหารหรือก่อนนอน
  • การกำหนด พื้นที่ในชีวิตจริงที่ไม่ใช้โทรศัพท์ เช่น ห้องนอน โต๊ะอาหาร หรือเวลาพบปะกับเพื่อน
  • การใช้ฟังก์ชันในโทรศัพท์ เช่น การตั้งเวลาใช้งานแอป (app limits) หรือโหมดช่วยลดสิ่งรบกวน (focus mode)
  • การหากิจกรรมทดแทน เช่น อ่านหนังสือเล่ม ออกกำลังกาย ทำงานศิลปะ หรือกิจกรรมที่ใช้มือและร่างกาย


บทบาทของสถานศึกษาและห้องสมุดในยุค Digital Detox
ในบริบทของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย การส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีอย่างสมดุล ไม่ได้หมายถึงการห้ามใช้ แต่คือการช่วยให้ผู้เรียนมี ทักษะการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี (digital literacy/media literacy) ควบคู่ไปกับการ ดูแลสุขภาพจิต

ตัวอย่างบทบาทที่สถานศึกษาหรือห้องสมุดสามารถมีได้ เช่น

  • จัดอบรมหรือกิจกรรมเรื่อง “รู้เท่าทันโซเชียลมีเดียและสุขภาพจิต”
  • สร้างพื้นที่ในห้องสมุดที่สนับสนุนการอ่านและการทำกิจกรรมแบบออฟไลน์ เช่น มุมอ่านหนังสือ มุมศิลปะ มุม บอร์ดเกม
  • สื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ของห้องสมุด เพื่อแนะนำ เคล็ดลับ Digital Detox ง่าย ๆ สำหรับนิสิต / นักศึกษา
  • ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา เพื่อพัฒนาสื่อหรือกิจกรรมที่เชื่อมโยงเรื่องเทคโนโลยีกับ ความเป็นอยู่ที่ดี (well-being)


เริ่ม Digital Detox จากเรื่องเล็ก ๆ รอบตัว
สำหรับผู้อ่านที่รู้สึกว่า “อยากเริ่ม Digital Detox แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน” การเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ รอบตัวอาจเป็น จุดเริ่มที่ดี เช่น

  1. สำรวจตัวเองก่อน

o ลองดูสถิติการใช้โทรศัพท์ของตนเองในแต่ละวัน

o ตั้งคำถามว่า “แอปไหนใช้แล้วรู้สึกดีจริง ๆ” และ “แอปไหนใช้แล้วรู้สึกเหนื่อย/เครียด”

2. ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง

o เช่น ลดเวลาใช้โซเชียลลงวันละ 30 นาที

o หรือกำหนดว่า “หลัง 4 ทุ่มจะไม่เล่นมือถือบนเตียง”

3. หากิจกรรมที่ไม่ต้องใช้หน้าจอมาแทนที่

o การอ่านหนังสือเล่ม การเขียนบันทึก การเดินเล่น หรือพูดคุยกับคนรอบข้าง

4. ให้รางวัลกับตัวเองเมื่อทำได้

o การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องใช้เวลา การให้กำลังใจตัวเองจึงสำคัญไม่แพ้กัน

สรุป: เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรู หากเราใช้มันอย่างมีสติ

ท้ายที่สุดแล้ว คำถามสำคัญอาจไม่ใช่ว่า “เราควรเลิกใช้เทคโนโลยีหรือไม่” แต่คือ “เราจะอยู่กับเทคโนโลยีอย่างไร ให้ไม่บั่นทอนสุขภาพจิตของเรา”

Digital Detox จึงไม่ใช่การปฏิเสธโลกดิจิทัล แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่จะ

  • รู้จักขีดจำกัดของตนเอง
  • เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมาย
  • และเว้นที่ว่างให้ร่างกายและจิตใจได้พักจากหน้าจอเป็นระยะ

ในยุคที่หน้าจออยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลา การให้ “เวลาไร้หน้าจอ” แก่ตัวเองอาจเป็นหนึ่งในของขวัญที่ดีที่สุดต่อสุขภาพจิต ในระยะยาว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ผลกระทบของการใช้สมาร์ตโฟนต่อสุขภาพจิต
          ของ Gen Z. สืบค้น 20 พฤศจิกายน 2568. Retrieved From 
          https://www.nesdc.go.th/wordpress/wp- content/uploads/2025/04/article_20250313110807.pdf

Aryal, I. et al. (2025). Screen time, sleep quality and mental health among adolescents of secondary
          schools in Dharan. PLOS Mental Health. สืบค้น 20 พฤศจิกายน 2568. Retrieved From
          https://journals.plos.org/mentalhealth/article/file?id=10.1371%2Fjournal.pmen.0000405&type=p rintable

Báo Tuổi Trẻ, ดีท็อกซ์ดิจิทัลและการ ‘หลีกหนี’ จากหน้าจอ. สืบค้น 20 พฤศจิกายน2568. Retrieved From
          https://www.vietnam.vn/th/digital-detox-va-cuoc-thao-chay-khoi-man-hinh

Hugsook, Digital Detox: ลองห่างมือถือสักวัน แล้วสุขภาพใจจะเปลี่ยน. สืบค้น 20 พฤศจิกายน 2568. Retrieved From
           https://share.google/vVmN2B4mtxiZU59mO

Kolhe, D. et al. (2025). Digital detox as a means to enhance eudaimonic well-being. Frontiers in Human Dynamics.
           สืบค้น 19 พฤศจิกายน 2568. Retrieved From 
            https://www.frontiersin.org/journals/human-dynamics/articles/10.3389/fhumd.2025.1572587/full

Ramadhan, R. N., Rampengan, D. D., Yumnanisha, D. A., Setiono, S. B., Tjandra, K. C., Ariyanto, M. V., Idrisov,
            B., & Empitu, M. A. (2024). Impacts of digital social media detox for mental health: A systematic review and 
            meta-analysis. Narra J, 4(2), e786. สืบค้น 19 พฤศจิกายน 2568. Retrieved From
           https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11392003/pdf/NarraJ-4-e786.pdf

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Galvan, E. G., & Newman, C. L. (2025). The Digital Detox Paradox: Potential Backfire Effects of Digital
            Detox Interventions on Consumer Digital Well-Being. Journal of Public Policy & Marketing, 44(4), 579–586.
            Retrieved From https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=3973b11c-9902- 3ed2-8fec-5819a07665ae

Ramadhan, R. N., Rampengan, D. D., Yumnanisha, D. A., Setiono, S. B., Tjandra, K. C., Ariyanto, M. V.,
            Idrisov, B., & Empitu, M. A. (2024). Impacts of digital social media detox for mental health: A
            systematic review and meta-analysis. Narra J, 4(2), e786. Retrieved From
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=d2cd6b29-c84b-3fd7-873f-e22dcaca0354

Sayyidath, B. B. O., & Menon, S. B. (2025). Unplugged for a day: A 24-hour digital detox journey.
           Industrial Psychiatry Journal, 34(2), 242–247. Retrieved From 
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=a6919fca-11b6-3fd4-bae8-b2b062dd445b

Sharma, K. (2025). The Psychological Impact of Social Media Detox on Anxiety, Self-esteem, and Sleep
            Quality. Indian Journal of Health & Wellbeing, 16(2–II), 350–352. Retrieved From
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=2703f4c8-320b-3ecb-8091-fa7a0782b9bc

Scheppe, M. M., Seiffen, A. L., & Berndt, A. (2025). Exploring the digital detox journey among generation
             Y Instagram users. Information Technology and People, 38(8), 119–139. Retrieved From
             https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=f8cb61b3-fd6f-3bf1-bb92-dead42433e8d

ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล | 03/12/2568 | 4 | share : , ,