แนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ในไทย ปี 2026

ผู้เรียบเรียง 
ชนารัตน์ บุณยรัตพันธุ์
นักเอกสารสนเทศชํานาญการ ฝ่ายบริการ
สํานักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

          หากกล่าวถึงประเทศไทยในอดีต เรื่องของการแพทย์ การรักษา ถือได้ว่าเรามีจุดแข็งในเรื่องของสมุนไพรที่นํามาทําเป็นยา รักษาโรคได้มาก จนถึงในปัจจุบัน แม้จะมีการรักษาแบบแพทย์สมัยใหม่ โดยนําเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือยา สารเคมีที่ใช้ในการ รักษามาจากต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ยังคงเห็นว่าการแพทย์แบบโบราณ หรือแบบดั้งเดิมก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ ด้วยเพราะหลายคน เชื่อว่ามาจากธรรมชาติ ผลกระทบต่อร่างกายน้อยกว่ายาปฏิชีวนะในยุคใหม่ ที่อาจส่งผลให้มีสารพิษหลงเหลือในร่างกายได้ และ ค่อนข้างมีราคาสูง แม้อาจจะช่วยให้การรักษาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าก็ตาม ซึ่งแนวโน้มในโลกยุคใหม่มองว่า จะดีกว่าหรือไม่ หากสามารถเปลี่ยนจากการรักษามาเป็นการป้องกันให้สุขภาพดีขึ้นก่อน โดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษาให้มาก

ที่มา : tatreviewmagazine.com

          ดังที่ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จํากัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า แต่เดิมเป็นรูปแบบที่เรียกว่า “Medical Hub” เน้นการรักษาเป็นหลัก ซึ่ง มองว่าควรปรับให้เป็นทิศทางในรูปแบบที่เรียกว่า “Wellness Hub” ที่เน้นการป้องกันไม่ให้ป่วยแทนจะดีกว่า ควรดูแลให้ดีทั้ง สุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพจิตวิญญาณ และมองว่าควรทําให้ชัดเจน แยกระหว่าง Medical Hub กับWellness Hub ออก จากกัน ไม่นํามารวมกัน เนื่องด้วยรูปแบบของ Wellness Hub นั้นมีขอบเขตที่กว้างกว่า และในยุคใหม่นี้ จะเป็นการนํา AI เข้ามา ช่วยเพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้ง กล่าวว่า ในการจะสร้างประเทศไทยให้กลายเป็น Blue Zone หรือการเน้นรูปแบบเศรษฐกิจอายุยืน (Longevity Economy)นั้น ควรต้องเริ่มจากการทําให้ประชาชนคนไทย โดยเฉพาะผู้ชายมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก่อน จึงจะเป็นเหมือนช่องทางการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศออกไปได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เห็นว่าคนไทยเป็นประเทศ ที่มีสุขภาพดี หากทําได้เช่นนั้น จะนําไปสู่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาให้กลายเป็น Blue Zoneได้ ไม่ใช่เพียงตามสถิติที่พบว่ามีอายุขัย (Life Span) ถึงอายุ77 ปี แต่มีช่วงเวลาที่มีสุขภาพดี (Health Span) เพียง 67 ปีเท่านั้น หรือเป็นการที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ามา เป็นเครื่องมือช่วยให้อายุยืนขึ้น แต่ในท้ายที่สุดกลับพบว่าต้องเจ็บป่วยทรมานอยู่ดี ซึ่งหากทําให้สุขภาพดี แข็งแรงได้ตั้งแต่ต้น เป็น การมุ่งเน้นป้องกัน ไม่ใช่การรอเวลารักษาก็ย่อมจะดีกว่า
       ที่ผ่านมาพบว่า หลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไป ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนแนวการท่องเที่ยวมาเป็นรูปแบบเน้นการดแล ตัวเอง หรือเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น แบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ 1) การเดินทาง/ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพโดยตรง (Primary Wellness Tourism) กลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 15% และ 2) การเดินทาง/ท่องเที่ยวทั่วไปแต่ใช้จ่ายด้านสุขภาพเสริม (Secondary Wellness Tourism)กลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 85% ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไปได้พร้อมกัน และหากรัฐมีความต้องการจะกระตุ้นโดยเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นแบบดูแลสุขภาพได้ครบวงจรมากขึ้นนั้น จะเกิด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจเริ่มการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Z ที่กําลังมุ่งเน้นลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเอง ทั้งนี้ หาก พิจารณาแบบวิเคราะห์ตามความเป็นจริงแล้วนั้น จะพบว่า ประเทศไทยถือว่ามีจุดแข็งครบหลายด้านที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องการมาสัมผัส โดดเด่นทั้งอาหาร สมุนไพร การแพทย์แผนไทย และวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่เป็น Soft Power ของไทย โดยมีลักษณะ ที่เชื่อมโยงกับกลิ่น รสเสียง บรรยากาศ และการสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ครบทั้ง 5 ลักษณะของประสาทสัมผัส แต่ยังคงมีสิ่งที่ควร คํานึงถึงหากต้องการจะไปสู่ตลาดโลกคือ ความท้าทายในเรื่องของมาตรฐานสากลทางด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และการสื่อสารแบรนด์ให้ร่วมสมัย ซึ่งสําหรับประเทศไทยนั้น มีจุดเด่นทางด้านสมุนไพรที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งการที่สมุนไพรมี ฤทธิ์ปรุงเป็นยาได้ และปรุงอาหารได้เช่นกัน ตามแนวคิด “อาหารเป็นยา” ซึ่งหากนํามาใช้ ต่อยอด อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นท่ีดีใน การนําจุดแข็งที่มีมาสร้างเป็นเอกลักษณ์ให้ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในตลาดโลกได้ โดยควรเร่งพัฒนามาตรฐานต่าง ๆ ดังที่กล่าวข้างต้นไป พร้อม ๆ กัน
       นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจจาก นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี มองว่า การท่องเที่ยวในอนาคต คือ การสร้าง Travel Ecosystem ที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตในทุกขั้นตอน ซึ่งจาก สภาพการณ์ที่ผ่านมา พบว่าการท่องเที่ยวเติบโตในปี 2567 แต่พอปี2568 เริ่มลดลงบ้าง โดยในปี 2569 นี้ คาดการณ์กันว่าจะมี นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงคนในประเทศไทยเองก็จะเริ่มหันมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อาจส่งผลให้ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง และมีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) จะมุ่งเน้นขยาย ตลาดการท่องเที่ยวใน 2 ลักษณะ ได้แก่ 1) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Health Tourism)เนื่องจากประเทศไทยมีอีก หนึ่งจุดแข็งคือ สถานพยาบาล ที่กล่าวได้ว่า มีมาตรฐานระดับโลกค่อนข้างมาก และราคาถูกกว่าประเทศตะวันตกกว่า 30-70% รวมถึงมีความครอบคลุมในหลายแหล่งพื้นที่ และ 2) เน้นรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบลักชัวรี (Luxury Tourist) ที่ชื่นชอบการ เดินทางมาท่องเที่ยว พร้อมใช้จ่ายในราคาสูง ด้วยเหตุผลว่าประเทศไทยมีความหลากหลาย รวมถึงมีความพึงพอใจในทัศนคติของ คนไทยนิยมเดินทางมาพักผ่อนหรือรักษาตัวในช่วงเวลายาว ๆ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 60,001 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี โดยเป้าหมายของการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไปนั้น ควรเน้นการสร้างคุณภาพให้กับกลุ่มเป้าหมายประเภท Luxury Tourism เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องการการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สุขภาพ การฟื้นฟูสุขภาพ และการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในลักษณะใส่ ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งควรวางกลยุทธ์แบบใช้ Soft Power เป็นกลไกในการกระตุ้น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งการท่องเที่ยว ที่เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ปลายปี 2568 เป็นต้นไป
        ในปี 2569 นี้ จะมีเทรนด์ของธุรกิจในกลุ่ม Wellness เติบโตขึ้น ใน 5 ลักษณะ ได้แก่ 1)Wellness Real Estate คือ การสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นรองรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี 2) Mental Wellnessคือ การเน้นทําธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ความเครียดและการนอนหลับ 3) WellnessTourism and Retreat คือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เน้นการพักผ่อน 4) อาหาร สุขภาพ จําพวกสมุนไพรและอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ที่นําหลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยพัฒนา และ 5) การ ท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ เช่น การปฏิบัติธรรม เป็นต้น ซึ่งหากพิจารณาใน 5 ลักษณะนี้แล้วนั้น จะพบว่ามีความสอดคล้องเชื่อมโยง กันได้ กล่าวคือ เป็นการทําให้ทั้งที่อยู่อาศัยหรือกายภาพภายนอก การส่งเสริมการพักผ่อนในต่างสถานที่ จนไปถึงอาหารที่ต้อง บริโภคเข้าไปในร่างกาย การบําบัดทั้งความคิด จิตใจ จนไปถึงจิตวิญญาณ ล้วนแต่เน้นเรื่องของสุขภาวะที่ดีทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่คนยุค ใหม่ ๆ นี้เริ่มขาดแคลน เนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ทําให้ผู้คนรู้สึกคล้ายกับว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต้องรีบทําสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา จนแทบไม่เหลือเวลาให้ดูแลตัวเอง ธุรกิจในกลุ่ม Wellness นี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนโหยหา
         ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน Global Wellness Summit (GWS)2026 ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็น โอกาสอันดีที่ภาครัฐควรจัดหามาตรการเพื่อสนับสนุนการเป็น Wellness อาทิ การลดหย่อนภาษี (สําหรับผู้เข้าร่วมโครงการ/ กิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพ) การให้เงินคืน (สําหรับผู้ที่ดูแลสุขภาพดีในเชิงป้องกัน) และอาจเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสําหรับธุรกิจที่ ก่อให้เกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา ซึ่งขณะนี้ สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) กําลังพัฒนาโครงการ Phuket Foresight 2030 ที่เป็นความร่วมมือของหน่วยงานหลักต่าง ๆ เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อ ยกระดับภูเก็ตจาก Wellness City ให้เป็น Longevity Islandด้วยการเป็นศูนย์กลางการดูแล Health span และ Life span ครบวงจร บนความเชื่อที่ว่า หากคนภูเก็ตมีอายุยืนยาวพร้อมสุขภาพแข็งแรงจะช่วยดึงดูดให้คนภายนอก ต้องการเข้ามาดูแลสุขภาพ ตัวเองทั้งกายและใจที่ภูเก็ต คล้ายกับแนวคิดที่ว่า หากประเทศไทยสามารถทําให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หรือสุขภาวะ ที่ดีได้แล้วนั้น ก็ย่อมส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองเห็นประเทศไทยในภาพลักษณ์ที่ดี และเกิดความต้องการเข้ามาประเทศไทย เพิ่มขึ้นได้ในทํานองเดียวกัน ซึ่งจังหวัดภูเก็ตไม่ได้มีความพร้อมเพียงการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจรเท่านั้น แต่ยังมีความ พร้อมทั้งสภาพแวดล้อม อากาศและอาหาร โดยได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลในท้องถิ่น ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรม สุขภาพของคนภูเก็ต ออกแบบกิจกรรม ยกระดับวิถีของคนในท้องถิ่น เพื่อลดจํานวนผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรค NCDs อํานวยความ สะดวกแก่คนฟอกไต และดูแลสุขภาพจิต เป็นต้น
          เมื่อกล่าวถึงงานหรือกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบ Wellness แล้วนั้น ตัวอย่างกิจกรรม เช่น Amazing Thailand GrandDiwali Festival 2025 เป็นการเน้นเฉลิมฉลองเทศกาลแสงสี “ดิวาลี” ของชาวอินเดีย เน้นสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างไทย-อินเดีย งาน “วิจิตรเจ้าพระยา” เป็นการเน้นส่งเสริมธุรกิจริมแม่นํ้า ให้เห็นวิถีชีวิตยามคํ่าคืน หรืองานลอยกระทงที่ ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “MAHA LOYKRATHONG WORLD EVENT” ที่มีการจัดแบบอนุรักษ์วัฒนธรรม เน้นไปที่จังหวัดสุโขทัย และอยุธยา ให้ชาวต่างชาติได้เข้ามารู้จักประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงามของไทย งาน “อะเมซิ่ง มาราธอน” เป็นกิจกรรมที่ต้องการ เชื่อมกีฬากับการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นกระตุ้นรายได้ในกรุงเทพฯ จากการวิ่งเชื่อมจุดแลนด์มาร์กสําคัญในกรุงเทพฯ โดยเริ่มจาก หน้ามาบุญครองไปสิ้นสุดบริเวณท้องสนามหลวง งานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ “ดาวกระจาย” เน้นกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ตาม ภูมิภาค เช่นเชียงใหม่ พะเยาขอนแก่น สงขลาภูเก็ต และอุดรธานี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกิจกรรม “มหาสงกรานต์ 2569” ที่ มีเป้าหมายว่าต้องการส่งเสริมให้เป็น Global Event ในลักษณะการกลายเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินท่องเที่ยวโลก (World Festival Calendar) ต่อไปในอนาคต
   กล่าวโดยสรุป จะเห็นได้ว่า แนวโน้มสําคัญที่จะเข้ามาเสริมทัพตลาดนี้ในอนาคตอันใกล้ คือ โภชนาการและการดูแล สุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Wellness) การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) และการใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันในการติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์ (Digital Wellness) ซึ่งทั้งหมดเป็นการมุ่งเน้นให้เกิดลักษณะของเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) ที่จะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจในประเทศไทยดีขึ้นด้วย โดยตลาด Wellness ทั่วโลกกําลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าภายในปี 2571จะมีมูลค่าสูงถึง 8.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (Wellness Real Estate) การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness)และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ทั้งนี้ มีจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการขาดการวิจัยและพัฒนา เช่น การต่อยอดนวัตกรรมจาก สมุนไพรไทย และขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อสุขภาพในชีวิตประจําวัน เช่น ฟุตบาทที่เดินได้จริง หรือเลนจักรยานที่ปลอดภัย เป็นต้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ชุลีพร อร่ามเนตร. (2568). ปี 69 ประกาศ ‘Wellness Hub Thailand’ 5 เทรนด์ Longevity ที่ต้องจับตามอง. สืบค้นจาก
           https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1206009                 

ฐานเศรษฐกิจ. (2568). ไทยขึ้นแท่นศูนย์กลาง Wellness Economy แห่งเอเชีย ตลาดสุขภาพโต 28.4%. สืบค้นจาก
          https://www.thansettakij.com/health-wellness/642173  

ไทยโพสต์. (2568). ผู้นําอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟันธง Wellness Tourism คือเครื่องยนต์ใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย. สืบค้นจาก
         https://www.thaipost.net/economy-news/880592/

ไทยรัฐออนไลน์. (2568). พลิกวิกฤตสุขภาพ ปรับไทยสู่ "Blue Zone" เติมอาวุธเศรษฐกิจจากเทรนด์โลก Longevity จากมุมมอง
           หมอแอมป์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2892158
          https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2892158

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์. (2568). ททท. ลุยกลยุทธ์ท่องเที่ยวยั่งยืน ดันเสน่ห์ไทยกระตุ้นรายได้ 2.79 ล้านล้านปี’69. สืบค้นจาก
          https://www.prachachat.net/tourism/news-1900911

พรไพลินจุลพันธ์. (2568). ททท. ดัน ‘ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์’ ดึงเศรษฐีตะวันออกกลางหนุนรายได้ 1.25 แสนล้านบาทปี 69.
           สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1203603

โมจัง ลีลา (นามแฝง). (2568). ภูเก็ตนําร่อง ต้นแบบเมือง Longevity ชูแนวคิดคนในอายุยืน สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดนักท่องเที่ยว รักสุขภาพ 
          จ่ายหนักทริปละ 70,000 บาท. สืบค้นจาก
           https://thestandard.co/ktc-thailand-wellness-tourism-growth-leader/

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Arida, N. S., Nugroho, S., Rusadi, N. W. P. & Saputra, I. G. G. (2025). Typology of wellness tourism based on traditional 
            healing in Bali. Journal of Applied Sciences in Travel and Hospitality, 8(2), 199–210.
            Retrieved from https://doi.org/10.31940/jasth.v8i2.199-210

Azimi, A., Moradi, E., Yousefi, B. & Hassani, Z. (2025). Bridging theory and practice in healthy aging: the role of
            wellness tourism in shaping psychosocial outcomes. Acta Psychologica, 257, 1-17. Retrieved from
             https://doi.org/10.1016/j.actpsy.2025.105062

Kim, M., Moon, H., Joo, Y. & Yoon, Y. (2024). Tourists’ perceived value and behavioral intentions based on the choice 
attributes of wellness tourism. International Journal ofTourism Research, 26(1), 1–12.
            Retrieved from https://doi.org/10.1002/jtr.2623

Okinarum, G. Y., Vidayanti, V. & Mulyani, S. H. (2024). Why is the lactation pod essential? a “Ruang Sehati”
             innovation pilot project for wellness tourism in Yogyakarta, Indonesia. Media Keperawatan Indonesia, 
             7(1), 22–30. Retrieved from https://doi.org/10.26714/mki.7.1.2024.22-30

Shokri Garjan, H., Paydar, M. M., & Divsalar, A. (2023). A sustainable supply chain for a wellness tourism 
            center considering discount and quality of service. Expert Systems With Applications, 211, 1-18.
           Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.eswa.2022.118682

 

ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล | 03/12/2568 | 5 | share : , ,